วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

“พระตรีมูรติ” ที่พึ่งในศรัทธาแห่งความรัก

“ความรัก” คือคำที่ไม่สามารถอธิบายนิยามความหมายที่แน่นอนได้อย่างแน่ชัด แต่หากเท่าที่ทุกคนรู้ ความรักทำให้ทั้งเกิดได้ทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน ในช่วงวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันแห่งความรักยิ่งทำให้คำๆ นี้ดูมีคุณค่ามากขึ้นยิ่งกว่าวันธรรมดาใดๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนจะสมหวังในสิ่งที่เรียกว่ารักทั้งหมด หลายคนจึงต้องการที่พึ่งทางจิตใจเพื่อประคองรักของตนเองไว้ให้นานที่สุด หนึ่งในสิ่งที่เป็นที่พึ่งทางใจเรื่องความรักที่หลายๆ คนศรัทธาก็คือ "พระตรีมูรติ" นั่นเอง
    
"พระตีมูรติ" เป็นเทพของทางศาสนาฮินดู มีประวัติกล่าวไว้ว่าพระตรีมูรติ (เทพทัตตาเตรยะ) เป็นรูปหนึ่งของพระวิษณุ (นารายณ์) ที่รวมเทพทั้งสามไว้ในองค์เดียว มีเศียร 3 เศียร แทนพระพรหม พระวิษณุและพระศิวะ มีสุนัข 4 ตัวติดตาม สุนัขเป็นตัวแทนพระเวททั้ง 4 และมีแม่โคศักดิ์สิทธิ์ติดตามด้วย 1 ตัว เสมือนเป็นการรวมพลังของเทพเจ้าทั้งสามได้แก่ "พระพรหม พระอิศวร (ศิวะ) และพระวิษณุ (นารายณ์)" ไว้ในรูปเดียวหรือร่างเดียว อาวุธและพาหนะที่ปรากฏในภาพคืออาวุธและพาหนะประจำองค์เทพเจ้าทั้ง 3 องค์นั่นเอง
อาจกล่าวได้ว่าพระตรีมูรติมีพลังของเทพเจ้าทั้งสามในรูปเดียวคือ การสร้างโลก ซึ่งเป็นพลังของพระพรหม การรักษาโลก ซึ่งเป็นพลังของพระวิษณุ (นารายณ์) และการทำลายโลก ซึ่งเป็นพลังของพระอิศวร (ศิวะ) การรวมตัวกันของพลังทั้งสามคือการแสดงออกของปรมาตมันพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้าในสรรพสิ่ง

คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า "พระตรีมูรติ" มีความหมายที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทั้งในชีวิต ความรัก และการงาน ความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ได้สืบทอดผ่านกันมาหลายยุคหลายสมัย จนได้รับเทิดทูนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการประทานความรัก และความสมหวังให้มวลมนุษย์ในทุกวันนี้

และในประเทศไทยเชื่อกันว่า พระตรีมูรติคือเทพารักษ์ประจำวังเพ็ชรบูรณ์ (ปัจจุบันคือห้างเซ็นทรัลเวิลด์) มีเรื่องร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระตรีมูรติว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วังเพ็ชรบูรณ์ได้รอดพ้นความเสียหายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลานั้นได้มีการทิ้งระเบิดลงในกรุงเทพฯ และระเบิดบางลูกตกลงมาบริเวณวัง แต่ปรากฏว่าระเบิดด้านและไม่ได้ทำความเสียหายใดๆให้แก่วังเพ็ชรบูรณ์เลย
ปัจจุบันเทวรูปพระตรีมูรติ ตั้งอยู่บริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งอิเซตัน มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้มากมายในแต่ละวัน ทั้งขอให้ความรักยั่งยืนหรือขอให้ประสบความสำเร็จในรัก และในวันที่ 14 กุมภาพันธุ์ ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันที่ผู้คนมักจะนิยมมากราบไหว้สักการบูชา เพราะมีความเชื่อว่า องค์มหาเทพจะเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อรับคำอธิษฐานและเชื่อว่าจะเสด็จลงมาในเวลาในเวลาเช้าของวันพฤหัสฯประมาณ 9.30 และในเวลาค่ำเวลาประมาณ 21.30 น.
    
การขอพรในช่วงเวลานี้ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ โดยการบูชานั้นจะใช้ดอกกุหลาบสีแดง 9 ดอก(ช่อ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักหรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นสัญลักษณ์ของโลกียะ ความเป็นมงคลและพลังชีวิต นอกจากนี้ยังต้องมีธูปสีแดงจำนวน 9 ดอกหรือจะเป็นพวงมาลัยกุหลาบ 1 พวงก็ได้ เทียนแดงจะ1เล่มหรือ1 คู่ก็ได้ แต่ถ้าเป็น 1 คู่จะที่ถือเคล็ดว่าต้องประกบให้แนบชิดกันเพื่อความแนบแน่นในชีวิตรัก แต่หากใครยังไร้คู่ก็อาจสื่อความหมายให้ไม่โดดเดี่ยว มีคู่โดยเร็วไว ส่วนผลไม้นั้นนิยมมะพร้าว น้ำอ้อย นมสดหรือของหวานอะไรก็ได้ แต่ที่ห้ามอย่างเด็ดขาดคืออาหารคาวทั้งหลาย และที่สำคัญที่สุดคือจิตใจที่แน่วแน่และมีสมาธิในการอธิษฐาน
    
การสักการะพระตรีมูรติเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ แต่ "ความรัก" นั้นเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ทุกคนต่างเฝ้าหาคำตอบและให้คำนิยาม แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรหนีพ้นตัวเราเองที่จะเป็นผู้กำหนดให้ความรักนั้นเป็นไปในทางใด

ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000018022

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น